ความเชื่อที่เลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดีหรือไม่โชคดีมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่อดีตอย่างชัดเจนในวัฒนธรรมต่างๆ มีหลายทฤษฎีที่อธิบายความเชื่อนี้
ความเชื่อเลข13 กับการใช้ชีวิต 2567
หนึ่งในทฤษฎีที่น่าจะได้รับความนิยมมากที่สุดคือทฤษฎีทางพระเจ้า เชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดีเนื่องจากสัญลักษณ์ทางศาสนาและตำราต่างๆ ที่มักจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการเสียหายหรือความลบเสียหาย ยกตัวอย่างเช่น ในคริสตจักรเลข 13 มักถูกนำมาเชื่อเป็นเลขไม่ดีเนื่องจากความเชื่อที่พระเยซูได้รับการตัดสินตัดถูกในวันที่ 13 ของเดือนนิสัน หรือตัวอย่างอื่นๆ ในศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันก็มักจะมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการหลบซ่อนหนี้หน้าหรือการสูญเสียในวันที่ 13 ด้วย
แม้ว่าความเชื่อนี้จะมีผลกระทบในวัฒนธรรมและความเชื่อของบางกลุ่มคน แต่ก็ควรจะระมัดระวังในการยึดถือความเชื่อเหล่านี้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่สุดท้ายความโชคร้ายหรือดีนั้นมักจะขึ้นอยู่กับมุมมองและเชื่อของแต่ละบุคคลและสังคมที่ต่างกันไป
ทฤษฎี เลข 13
ทฤษฎีเกี่ยวกับ ความเชื่อเลข 13 มีหลายทฤษฎีและสันทนาการต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักเชื่อถือว่าเกี่ยวข้องกับความไม่ดีหรือโชคร้าย นี่คือบางทฤษฎีที่รู้จักมากที่สุด:
- ทฤษฎีของศาสนา: ในคริสตจักร, บางคนเชื่อว่าพระเยซูพระคริสต์ถูกตัดสินให้ถูกตามข้อหาในวันศุกร์ที่ 13 ของเดือนเมษายน ซึ่งทำให้วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันที่ไม่ดีในศาสนาคริสต์ ในศาสนาอื่น ๆ ก็มีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเลข 13 เช่นกัน
- ทฤษฎีทางวัฒนธรรม: มีหลายวัฒนธรรมที่เชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดี หรือมีความโชคร้าย เช่น ในวัฒนธรรมตะวันตกเฉียงเหนือ บางคนเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขโชคร้าย แต่ในวัฒนธรรมอื่น ๆ ก็มีเรื่องราวและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเลข 13 เช่นกัน
- ทฤษฎีวิชาการ: บางคนเชื่อว่าเลข 13 ไม่โชคดีเนื่องจากความผันผวนในอารมณ์และการกระทำของมนุษย์ในวันที่ 13 ของเดือน แม้ว่านักวิจัยจะไม่ยึดถือในทฤษฎีนี้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีคนที่เชื่อในเรื่องนี้
- ทฤษฎีการสะสม: บางคนเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดีเพราะว่ามันเป็นเลขที่มีการเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ไม่ดีหรือความเสียหายในอดีต ซึ่งการเชื่อในเรื่องนี้อาจมาจากการสะสมของเหตุการณ์ที่ไม่ดีในวันที่ 13 ในประวัติศาสตร์
- ทฤษฎีวิทยาศาสตร์: ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับความเชื่อที่ว่าเลข 13 เป็นเลขไม่ดีหรือโชคร้าย นอกจากนี้ การเชื่อในเรื่องนี้มักจะถูกพิสูจน์ว่าเป็นความเชื่อที่ไม่มีมูลค่าทางวิทยาศาสตร์
มิได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีใด ๆ ที่ยืนยันว่าเลข 13 มีความโชคร้ายจริง ๆ แต่ความเชื่อเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในสังคมและวัฒนธรรมในรูปแบบของความเชื่อและสันทนาการ
เลข 13 กับการอยู่อาศัย
การเชื่อในเรื่องของเลข 13 และการอยู่อาศัยไม่ได้มีความสัมพันธ์กันโดยตรง แต่มีคนบางกลุ่มที่เชื่อในความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 และอาจมีผลต่อการเลือกสถานที่อยู่อาศัยของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น:
- ความเชื่อในการเลือกบ้านหรือที่อยู่อาศัย: บางคนอาจจะเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่มีเลขบ้าน 13 เนื่องจากความเชื่อว่าเลข 13 ไม่ดีหรือไม่โชคดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเลขนี้ แม้ว่ามันจะไม่มีผลกระทบต่อความสุขสมบูรณ์หรือคุณภาพชีวิตอย่างตรงไปตรงมา
- ความเชื่อในการเลือกห้องนอน: บางคนอาจเลือกหลีกเลี่ยงการใช้ห้องนอนหมายเลข 13 ในบ้านหรือโรงแรม เนื่องจากความเชื่อทางวัฒนธรรมหรือศาสนาที่เกี่ยวข้องกับเลข 13 มากขึ้น แม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลต่อการนอนหลับ
สำหรับบางคนที่ไม่เชื่อในความหมายของเลข 13 หรือไม่มีความเชื่อในความโชคร้ายของมัน ก็จะไม่มีผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยของพวกเขาเลย การเลือกที่อยู่อาศัยมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานที่, ราคา, ความสะดวกสบาย, และความเหมาะสมกับความต้องการของบุคคลแต่ละคน
ความเชื่อในการใช้ชีวิต
เรื่องของ ความเชื่อเลข 13 ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตโดยตรง ความเชื่อในเรื่องของเลข 13 เป็นเพียงความเชื่อทางวัฒนธรรมหรือความเชื่อทางศาสนาที่มีในบางส่วนของโลก ซึ่งอาจมีผลต่อความรู้สึกหรือความเชื่อของบุคคลแต่ละคน
การใช้ชีวิตของเรามักจะขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความสุข และคุณค่าที่เรากำหนดเอง เราสามารถสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสำเร็จได้ไม่ว่าจะมีเลข 13 หรือไม่มี การเชื่อในความโชคร้ายหรือดีของเลข 13 มักจะเป็นเรื่องส่วนตัวและขึ้นอยู่กับความเชื่อและวัฒนธรรมของแต่ละบุคคล
ดังนั้น หากเราสามารถปรับโอกาส ปรับเปลี่ยนแผนการ และมุ่งหวังสิ่งดี ๆ ในชีวิต ก็สามารถพบความสำเร็จและความสุขได้ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 หรือความเชื่ออื่น ๆ ก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจในการตัดสินใจหรือการกระทำบางอย่างในชีวิตในทางที่ดีให้กับตัวเราเองได้ แต่ไม่ควรให้มันมีอิทธิพลต่อความสุขหรือคุณภาพชีวิตของเราอย่างมากเกินไป
ความเชื่อในประเทศไทย
ในประเทศไทย เลข 13 มักถือเป็นเลขที่ไม่ดีหรือไม่โชคดีในความเชื่อของบางคน เหตุผลที่ทำให้เลข 13 เป็นเลขที่ไม่โชคดีนั้นอาจมีหลายปัจจัย เช่น:
- ความเชื่อทางศาสนา: บางคนในสังคมไทยอาจมีความเชื่อทางศาสนาที่ทำให้เลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดี เช่นเดียวกับในศาสนาคริสต์ที่เชื่อว่าพระเยซูถูกตัดสินในวันศุกร์ที่ 13
- ความเชื่อทางวัฒนธรรม: ในวัฒนธรรมไทย มีการเชื่อกันว่าเลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดีหรือไม่โชคดี เช่นการหลีกเลี่ยงการใช้เลข 13 ในหมายเลขห้องหรือหมายเลขบ้าน
- สัญลักษณ์ในการเลือกซื้อหรือใช้บริการ: บางธุรกิจหรือสถานที่อาจเลือกหลีกเลี่ยงการใช้หรือมีเลข 13 เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับความไม่พึงพอใจจากลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ
- สถานที่และเหตุการณ์: บางครั้งเลข 13 อาจถูกมองเป็นเลขที่ไม่ดีในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่ดี เช่น วันที่ 13 ของเดือนที่เกิดเหตุอุบัติเหตุหรือเหตุร้ายแรงใด ๆ
การมีความเชื่อในเรื่องของเลข 13 มักเป็นเรื่องส่วนตัวและขึ้นอยู่กับความเชื่อและวัฒนธรรมของแต่ละบุคคลและสังคม ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อในความไม่ดีของเลข 13 การมีความเข้าใจและเคารพความเชื่อของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่หลากหลายและร่วมอาศัยกันได้ในสันติสุข
ความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 จากทางตำนานของนอร์ส
จุดเริ่มต้นความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 นั้น เชื่อมโยงกับความเชื่อที่ว่า เทพโลกิ ได้พังประตูเข้างานเลี้ยงในฐานะแขกผู้ที่ไม่ได้รับเชิญคนที่ 13 และหลอกลวงให้เทพฮอด ยิงเบาเดอร์น้องชายโลกิเอง ซึ่งเบาเดอร์เป็นเทพแห่งแสงสว่าง ความสุข และความดีงาม ด้วยลูกศรปลายมิสเซิลโท ทำให้เบาเดอร์ถูกฆ่าตายในทันที เป็นจุดเริ่มต้นการฆ่าล้างเทพในเหตุการณ์ ‘แร็กนาร็อก’
ความเชื่อของเลขอาถรรพ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ไปทางตอนใต้ของยุโรป โดยมีความเชื่อที่ว่ามีคน 13 คนร่วมทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซู ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถยืนยันวันและเวลาดังกล่าวได้ ประชาชนจึงถือเอาวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้ายจนเมื่อมาถึงศตวรรษที่ 19
แนวคิดเรื่องวันศุกร์เป็นวันโชคร้ายเริ่มขยายในวงกว้างมากขึ้น อาทิเช่น วันศุกร์คือวันที่อดัมและเอวากินผลไม้ต้องห้ามจากสวนอีเดน ,วันที่ลูกชายของอดัมและเอวาฆ่ากันเอง ,วันที่วิหารโซโลมอนถูกทำลาย และเป็นวันที่เรือโนอาห์ออกเดินทางในวันน้ำท่วมโลก
จากหลาย ๆ แนวคิด หลายเรื่องเล่า เลข 13 จึงถือว่าเป็นเลขแห่งความโชคร้าย ใครที่เกี่ยวข้องกับเลขนี้ก็เชื่อกันว่าจะมีแต่ความวิบัติในชีวิต ถือเป็นเลขที่สร้างความหวาดกลัวอย่างมาก จนมีคนคิดบัญญัติศัพท์เลยทีเดียว โดยเรียกคนที่หวาดกลัวอาถรรพ์ศุกร์ 13 ว่า Paraskevidekatriaphobia และเรียกคนที่กลัวเลข 13 ว่า Triskaidekaphobia
อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นใน ศุกร์ 13
ในวันศุกร์ที่ 13 อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินเกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประชาชนจำนวนหนึ่ง ไม่กล้าเดินทางไปไหน ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน
อีกเรื่องเล่าที่แปลงมาจากตำนานของชาวสแกนดิเนเวีย บอกว่า การที่มีคนที่ 13 มาร่วมรับประทานอาหารในโต๊ะเดียวกัน คนที่จะต้องตายคือคนแรกคือคนที่ลุกจากโต๊ะก่อนคนอื่น
อีกเหตุผลที่วันศุกร์กลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้น เพราะเชื่อกันว่านอกจากการที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้ว ตามตำรายังบอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ อีกทั้งยังถือเป็นวัน Tip Top Day หรือว่า วันปีศาจ นั่นเอง ชาวประมงส่วนใหญ่จึงไม่นิยมออกทะเลในวันศุกร์กัน
ตามตำนานเรื่องพระเจ้าสร้างโลกบอกว่า เมื่อครั้งพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาใหม่ๆ อดัมและอีฟได้ละเมิดคำสั่งพระเจ้า กัดกินผลไม้ต้องห้ามของสวนอีเดนในวันศุกร์ จึงถูกพระเจ้าลงโทษให้ลงมาชดใช้กรรมในโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นวันศุกร์เช่นกัน
- วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม 1307 พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์หลายร้อยคนไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1929 ตลาดหุ้นอเมริกาล่ม
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1939 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1945 เกิดสงครามทางอากาศครั้งสำคัญในนอร์เวย์ มีผู้ที่เสียชีวิตนับไม่ถ้วน
- วันศุกร์ที่ 13 ปี ค.ศ. 1970 เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ พายุกระหน่ำมายังประเทศบังกลาเทศมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1978 เกิดการสังหารหมู่ในอิหร่าน 13 ศพ
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1982 อาร์เจนติน่ายกกองกำลังยึดเกาะฟอล์กแลนด์ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
- วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1989 บริษัทคอมพิวเตอร์ IBM เสียหายอย่างหนักเพราะโดยไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตีระบบ
- วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2006 พายุหิมะชื่อ “Aphid” พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ รัฐนิวยอร์ก
- วันศุกร์ ที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2007 เกิดทอร์นาโดหลายลูกพร้อมกันในทางเหนือของเท็กซัส
