ประเภทของหยก 2567 โดย พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ให้ข้อมูลว่า หยก ถือเป็นหินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวและมีความแข็งกว่าหินธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังมีความสวยงามเฉกเช่นอัญมณีชนิดอื่นๆ
หยก คือ อัปเดต 2567
หยก เป็นหินที่มีตำนานและความเชื่อที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวจีนมาเป็นเวลานาน ในวัฒนธรรมของชาวจีนมีการนำหยกมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรม และนิยมนำมาทำเป็นสิ่งของเครื่องประดับ ตลอดจนงานศิลปวัตถุ เครื่องราง รูปสัญลักษณ์ หรือรูปเคารพต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับความศรัทธาและความเชื่อในเรื่องพลังอำนาจแห่งหินศักดิ์สิทธิ์นี้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ การนำหยกมาใช้ไม่เพียงแต่ปรากฏในวัฒนธรรมของชาวจีนเท่านั้น แต่ยังส่งอิทธิพลไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมไปถึงประเทศที่ได้รับการติดต่อสัมพันธไมตรีกับประเทศจีน และพบว่ามีทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินที่มีการนำหยกมาใช้ในงานเครื่องประดับและเครื่องยศอีกด้วย
ความหมายของหยก 2567
หยก ถือเป็นหินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวและมีความแข็งกว่าหินธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังมีความสวยงามเฉกเช่นอัญมณีชนิดอื่นๆ
หยก หรือ Jade ในภาษาอังกฤษ มาจากคำในภาษาสเปนว่า “Piedra de hijada” หมายถึง เทพเจ้าแห่งหินทั้งปวง ใช้สำหรับรักษาโรคไตและอาการจุกเสียด ภาษาพม่า เรียกว่า “เจ้าเซง” หมายถึง หินที่มีสีเขียว
ในภาษาจีนกลาง หยกเป็นที่รู้จักว่า “หยู หรือ ยู่” หมายถึง งดงามและสมบูรณ์แบบ ชาวจีน ถือว่าหยกเป็นอัญมณีที่มีค่าสูงสุด ความนิยมของชาวจีนปรากฏในประวัติศาสตร์จีนครั้งแรก เมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปี มาแล้ว มีปรัชญาจีนที่เปรียบเทียบลักษณะของหยกกับจิตใจของมนุษย์ในวรรณคดีเก่าแก่ของจีน
ประเภทของหยก อัปเดต 2567
หยก (Jade) คือชื่อที่ใช้เรียกหินซึ่งเป็นอัญมณีอันล้ำค่าชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็นเจ้าแห่งหินมีค่าทั้งมวล
หยก มี 2 ประเภท คือ
หยกเจไดต์ (Jadeite)
- หยกเจไดต์ (Jadeite) มีองค์ประกอบทางเคมีเป็นโซเดียมอะลูมิเนียมซิลิเกต (NaAl (SiO3)2, Sodium aluminium silicate) มักมีสีเขียวเข้มสดกว่าเนฟไฟรต์ จัดเป็นหยกชนิดคุณภาพดี โดยธรรมชาติมักพบเป็นก้อนเนื้อแน่นประกอบด้วยผลึกขนาดเล็กอยู่รวมกัน มีความวาวตั้งแต่แบบแก้วจนถึงแบบน้ำมัน หยกเจไดต์มีความแข็ง 6.5-7 โมล์ มีสีในเนื้อเฉพาะตัว และไม่สม่ำเสมอ มีสีเข้มและจางของแต่ละผลึกรวมกันอยู่ พบว่าเกิดอยู่ในหินเซอร์เพนทีน ที่ได้จากการแปรสภาพของหินอัคนีชนิดที่มีแร่ดอลีวีนอยู่มาก หรือมีโซเดียมอยู่มากหยกเจไดต์ (Jadeite) ยังเป็นหยกที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก มีแหล่งกำเนิดอยู่ในแถบรัฐคะฉิ่น ประเทศพม่า หยกเจดไดต์ถือว่าเป็นหยกหินมีค่าชนิดหนึ่งที่เกิดจากหินแปรที่มีส่วนผสมของธาตุกรดเกลือ อลูมิเนียม และโซเดียม ทับถมกันหนาแน่น จนเกิดเป็นหินที่มีสีสันต่างๆ มีเนื้อใส และมีหลากหลายสี ซึ่งล้วนแต่เป็นสีที่เกิดจากธาตุโลหะที่แทรกอยู่ในโครงสร้าง หากไม่มีธาตุโลหะปะปนจะมีเนื้อสีขาวบริสุทธิ์และใส โดยธาตุโลหะที่ทำให้เกิดสีในหยกเจดไดต์ที่สำคัญ ได้แก่ธาตุโครเมียม – ทำให้เกิดสีขาว
ธาตุเหล็ก – ทำให้เกิดสีเหลือง น้ำตาลถึงส้ม
ธาตุแมงกานีส – ทำให้เกิดสีชมพู และม่วงน้ำตาล
นอกจากองค์ประกอบสำคัญข้างต้นแล้ว หยกเจดไดต์ยังถือว่ามีความแข็งอยู่ในระดับสูง โดยมีความแข็งที่ระดับ 7 – 8.5 ตามมาตรฐานสเกลของโมห์ โครงสร้างในมวลของหยกเจดไดต์นั้น เป็นแบบเม็ดอัดกันแน่น หรือที่เรียกว่า แกรนนูล่า (Granular) จึงทำให้หยกเจดไดต์มีความแข็งมากกว่าหินและไม่เปราะหรือแตกง่ายเมื่อเทียบกับพลอยเนื้อใสต่างๆ หยกเจดไดต์ จึงเป็นที่นิยมในการนำมาทำเป็นเครื่องประดับที่มีราคาสูงเช่น หัวแหวน จี้ กำไลข้อมือ เป็นต้น
โดยหยกเจดไดต์ ที่มีคุณภาพดีที่สุด และมีราคาแพงที่สุด ได้แก่ หยกจักรพรรดิ (Imperial Jade) ลักษณะคือมีสีเขียวปานกลางไปจนถึงสีเขียวเข้มเสมอทั่วกันทั้งชิ้น กึ่งโปร่งใสจนมองทะลุไปถึงด้านหลัง แหล่งที่พบอยู่ที่ประเทศพม่า ถือเป็นหยกที่ดีที่สุดในโลก และค่อนข้างหายาก เป็นของคู่บุญคู่บารมีของกษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกหยกสีเขียวมรกตนี้ว่า “หยกจักรพรรดิ” นั่นเอง
หยกเนฟไฟรต์ (Nephrite)
2. หยกเนฟไฟรต์ (Nephrite) มีองค์ประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมแมกนีเซียมซิลิเกต (Calcium magnesium silicate) โดยธรรมชาติมักพบเกิดเป็นผลึกกลุ่มที่มีขนาดเล็กรุปเส้นใยเดียวกัน หยกเนฟไฟรต์มีความแข็ง 6-6.5 โมล์ มีความวาวแบบแก้วถึงน้ำมัน สีมีความเฉพาะตัวเหมือนหยกเจไดส์ แต่มีสีเข้มไม่เท่า และมีสีมืดมากกว่า พบว่าเกิดจากหินเดิมที่มีธาตุแมกนีเซียมแปรสภาพด้วยความร้อน
หยกเนฟไฟรต์ (Nephrite) เป็นหยกชนิดแรกๆ ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นหยกที่พบเป็นจำนวนมากและอยู่คู่กับแผ่นดินจีนมานานนับพันปี ชาวจีนมีความผูกพันกับหยกชนิดนี้มากกว่าชนชาติใดในโลก แหล่งของหยกเนฟไฟรต์ที่สำคัญของโลกอยู่ในบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) ประเทศแคนาดา ห่างจากชายแดนด้านตะวันออกของ Alaska ประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณ 100 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังพบที่ประเทศไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เป็นหินหยกที่ประกอบด้วยธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม และออกไซด์ของเหล็กปะปนอยู่ องค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้หาหยกเนฟไฟรต์ที่มีสีเขียวใสประกายได้ยาก อีกทั้งหยกเนฟไฟรต์ยังมีสีสันไม่มากนัก
ที่พบส่วนมากมักจะมีสีเขียวใบไม้อมดำ สีเทา สีน้ำตาล ไปจนถึงสีขาว และมักจะมีจุดสีดำที่เกิดจากออกไซด์ของธาตุเหล็กแทรกอยู่ สำหรับความแข็งของหยกเนฟไฟรต์นั้นอยู่ที่ระดับ 5 – 6 ตามมาตรฐานสเกลของโมห์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าหยกเจดไดต์อยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้ หยกเนฟไฟรต์จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “หยกอ่อน”
แม้ว่าหยกเนฟไฟรต์จะมีคุณสมบัติและสีสันที่ด้อยกว่าหยกเจดไดต์ แต่ก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นบางประการ คือ ความเหนียวแน่นของเนื้อหยก เนื่องจากโครงสร้างที่ถักทอเป็นเส้นใยที่หนาแน่นทั่วเนื้อของหยก
โดยที่เส้นใยแต่ละเส้นนั้น มีลักษณะเป็นแท่งผลึกอยู่ภายใน ซึ่งเหมาะแก่การนำมาแกะสลักเป็นรูปทรงต่างๆ หยกเนฟไฟรต์ หรือหยกจีนนั้นจึงมักจะถูกนำมาแกะสลักเป็นรูปและขนาดต่างๆ ตามต้องการ เช่น รูปสลักพระพุทธรูป รูปปั้นเทพเจ้าจีนต่างๆ ตราประทับหยก เครื่องมือเครื่องใช้ เช่น ถ้วยชาม แจกัน หรือเครื่องประดับอื่นๆ เช่น กำไล แหวน เป็นต้น
สีของหยก ความหมาย 2567
นอกจากการแกะสลักหยกเป็นรูปต่างๆ ตามความเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลกับผู้ที่ได้ครอบครองแล้ว สีของหยกก็มีความเชื่อและความนิยมที่มีความหมายแตกต่างกัน เช่น
- หยกสีเขียว เป็นสีที่นำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ชาวจีนมีความเชื่อว่าหยกสีเขียวเป็นต้นกำเนิดของเงินทองไหลมาเทมาจึงเป็นสีที่นิยมกันมาก
- หยกสีขาว เป็นสีที่สื่อนำเอาความโชคดีมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ เป็นสัญลักษณ์พลังจิตใจที่ใสสะอาดและความบริสุทธิ์ผุดผ่อง รวมถึงความมีอายุยืน
- หยกสีม่วง เป็นสีที่ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์มีความสุข ช่วยรักษาด้านอารมณ์และความอดกลั้นของผู้สวมใส่
- หยกสีแดง เป็นสีที่สื่อให้เกิดการรับรู้ในอารมณ์ความรักได้ดี ช่วยลดความโกรธและความเครียดต่างๆ
- หยกสีเหลือง เป็นสีที่ก่อให้เกิดสัญลักษณ์แห่งการกระตุ้นชีวิตชีวาให้เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน และเพิ่มพลังให้กับผู้ที่สวมใส่ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาและความเชื่อเกี่ยวกับหยกที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นสิริมงคล ความดีงาม ความมีพลังอำนาจ และการนำมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้หยกมีความแตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่นๆ